Fantastic Four: Reckoning War Alpha

Fantastic Four: Reckoning War Alpha

Reckoning War Part 1: The Day of Reckoning


เรื่อง: Dan Slott

ภาพ: Carlos Pacheco, Rafael Fonteriz และ Carlos Magno

วันวางจำหน่าย: 2 กุมภาพันธ์ 2022



เนื้อหาที่ควรรู้ก่อนอ่าน
- ก่อนหน้านี้ ในอีเว้นท์ Empyre เมื่อปี 2020 เผ่าพันธุ์โคตาติได้ก่อสงครามกับจักรวรรดิครีสครัลล์ หลังจากที่สงครามจบลง ดิ อันซีนหรือฟิวรี่ผิวขาวนั้นได้พบว่าอาวุธของพวกโคตาติใช้นั้นคืออาวุธจากเผ่าพันธุ์แรกสุด เป็นสิ่งที่ดวงตาของวอชเชอร์ที่เขามีอยู่ไม่เคยพบมาก่อน และทันใดนั้น อูอาตูที่ตายไปแล้วตั้งแต่ Original Sin ก็ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
- ด็อกเตอร์ดูมจัดงานแต่งงานโดยมีวิคทอเรียส องครักษ์คู่กายเป็นเจ้าสาว แต่จอห์นนี่กับไปแอบมีอะไรกันกับวิคทอเรียสในคืนก่อนแต่งงาน เมื่อดูมรู้เข้าก็เลยตบรางวัลจอห์นนี่ด้วยการเปลี่ยนให้ร่างของจอห์นนี่กลายเป็นร่างเพลิงคอสมิคที่ไม่มีวันดับ จากนั้น ทุกคนพยายามหาทางเปลี่ยนจอห์นนี่ให้กลับเป็นเหมือนเดิม แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สำเร็จ รวมถึงเนมอร์ที่สั่งห้ามจอห์นนี่ไปแอตแลนทิสตลอดชาติ เพราะกลัวว่าชาวแอตแลนทิสและฝูงปลาจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุด้วยความร้อนจากเปลวเพลิงคอสมิค


ปัจจุบัน ฟิวรี่ทำงานรับใช้อูอาตู คอยสังเกตการณ์เผ่าพันธุ์ต่างๆ ในจักรวาลอย่างลับๆ และบนดาวของพวกบาดูน เขาก็ได้พบว่ามีกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่าเรคคอนนิ่งคอยขายอาวุธโบราณให้กับเผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่นเดียวกับที่พวกมันขายให้พวกโคตาติเอาไปก่ออีเว้นท์ Empyre


ฟิวรี่กลับมารายงานอูอาตูบนดวงจันทร์ว่าพวกเรคคอนนิ่งได้ขายเทคโนโลยีพวกนั้นให้กับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั่วทั้งจักรวาล อาวุธพวกนี้เป็นเทคโนโลยีของวอชเชอร์ เขาคิดว่าอาจจะมีพวกวอชเชอร์คนไหนสักคนที่เป็นตัวการใหญ่ แต่อูอาตูรู้ว่าเรื่องมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น


อูอาตูทำการติดต่อเหล่าพวกพ้องวอชเชอร์ทั้งหลายที่แยกย้ายไปประจำการในจุดต่างๆ ของจักรวาลให้กลับไปรวมตัวกันอีกครั้งที่ดาวบ้านเกิด เพราะศัตรูมีหูมีตาอยู่ทุกที่ เรื่องนี้จำเป็นต้องคุยกันแบบตัวต่อตัวเท่านั้น อีกทั้งสงครามครั้งแรกนั้นเกือบทำให้จักรวาลต้องถูกทำลาย มือของเหล่าวอชเชอร์ต้องชุ่มไปด้วยเลือด และในคราวนี้ อูอาตูจำเป็นที่จะต้องขอร้องให้พวกพ้องของเขาผิดคำสัตย์ที่เคยสาบานไว้ว่าจะไม่แทรกแทรงเหตุการณ์ใดๆ ในจักรวาล


ขณะนั้น ใครบางคนก็ได้สั่งให้ยานรบของเผ่าบาดูนยิงลำแสงใส่ดวงจันทร์ ส่งผลให้ดวงจันทร์ถูกทำลาย และเศษซากที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ก็กำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นโลก


บนพื้นโลก เหล่าฮีโร่ของโลกกำลังช่วยกันเก็บกวาดเศษซากของดวงจันทร์ที่กำลังร่วงหล่นลงมา ในนิวยอร์ค รี้ดได้รับแจ้งจากอบิเกล แบรนด์แห่งหน่วยซอร์ดว่ามียานต่างดาวกำลังลงมายังชั้นบบรยากาศโลก และทันใดนั้น กองทัพบาดูนก็ยกทัพลงมาจากยานเพื่อกวาดล้างมนุษย์โลก


ระหว่างที่สู้กับพวกบาดูน รี้ดหยิบอาวุธที่พวกบาดูนใช้มาดูและพบว่าเขาเคยเห็นอาวุธแบบนี้มาแล้วที่ฐานของอูอาตูบนดวงจันทร์ รี้ดไม่รอช้า รีบรวมตัวเหล่าแฟนแทสติกโฟร์เพื่อไปหาวอชเชอร์ทันที โดยปล่อยให้เหล่าฮีโร่คนอื่นคอยทำหน้าที่ปกป้องโลกแทน


อีกฟากหนึ่งของเมือง จัสติซพีชและจัสติซเลิฟ เจ้าหน้าที่ของทีวีเอปรากฏตัวขึ้นเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ในเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ ชีฮัลค์เป็นคนเดียวที่สามารถมองเห็นทั้งสองได้เพราะว่าเธอเคยถูกพามาในช่วงเวลานี้แล้วในคอมิค She-Hulk สมัยปี 2005 ซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ จัสติซพีชก็ยังคงยืนยันคำเดิมอยู่ว่าเธอคือต้นเหตุของสงครามในครั้งนี้ ก่อนที่ทั้งสองจัสติซจะขอตัวลาเพื่อไปเอาทีวีเอทั้งองค์กรเข้าเขตเหนือเส้นเวลาก่อน พร้อมกับอวยพรว่าขอให้ยังเหลือความเป็นจริงให้พวกเขาทั้งคู่ได้กลับมาตอนสงครามจบ


ซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์ถูกเรียกตัวมายังโอเวอร์สเปซ ซึ่งเขาได้พบกับกรีฟเวอร์ ตัวตนระดับมัลติเวิร์สที่ควรจะถูกรี้ดใช้ฟอร์เอฟเวอร์เกทส่งไปยังจุดจบของทุกสรรพสิ่งแล้ว ซึ่งกรีฟเวอร์ก็ยืนยันว่าที่นี่คือจุดจบของทุกสรรพสิ่งที่ว่า ซึ่งตรงหน้าของทั้งคู่ก็คืออีเทอร์นิตี้ที่กำลังจะตายและเนเวอร์ควีนผู้เป็นคนรักคอยดูแลอยู่ข้างๆ โดยเนเวอร์ควีนเชื่อว่าซิลเวอร์เซิร์ฟเฟอร์คือความหวังเดียวที่จะหยุดสงครามนี้ได้ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกเรียกตัวมาที่นี่ ก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในร่างของอีเทอร์นิตี้เพื่อช่วยจักรวาล


ที่ลัตเวอเรีย ดูมได้ให้วิคทอเรียสคอยต่อสู้กับพวกบาดูนเพื่อปกป้องประเทศแทน ในขณะที่เขากำลังจะเดินทางออกไปเพื่อปกป้องความเป็นจริงทั้งมวล


แฟนแทสติกโฟร์ขับยานออกมานอกอวกาศ โดยมีจอห์นนี่คอยบินคุ้มกันให้เพราะว่าเปลวเพลิงคอสมิคไม่สามารถถูกดับได้แม้ในสภาวะสุญญากาศ หรือพูดง่ายๆ ก็คือตอนนี้ จอห์นนี่เปรียบเสมือนดาวฤกษ์ขนาดย่อมๆ ไปแล้ว


ยานของแฟนแทสติกโฟร์ถูกซุ่มยิงโดยศัตรูปริศนาที่ซ่อนตัวอยู่ ซูซานใช้พลังเปิดเผยตัวและให้จอห์นนี่ไปโจมตี แต่จอห์นนี่พบว่าศัตรูผู้นั้นก็คือฟิวรี่ที่ควรจะตายไปแล้ว เขาก็เลยพาตัวฟิวรี่ขึ้นมาบนยาน


จากนั้น ทั้งหมดเห็นอุปกรณ์ทรงกลมของอูอาตุที่ลอยเท้งเต้งอยู่กลางอวกาศ ซูซานเลยใช้พลังดึงมันมาที่ยาน ก่อนที่รี้ดจะลองเอามันมาสวมเพื่อดูข้อมูลที่อูอาตูบันทึกไว้เกี่ยวกับพวกเรคคอนนิ่ง ฟิวรี่พยายามเตือนว่าของชิ้นนั้นถูกสร้างมาสำหรับสมองของวอชเชอร์ ไม่ใช่สมองของมนุษย์อย่างรี้ด


นานมาแล้ว ในช่วงเวลาแรกเริ่มของจักรวาล ในช่วงเวลาที่เหล่าวอชเชอร์ยังเรียกตนเองว่าลูมินัส พวกเขาได้เดินทางไปทั่วจักรวาลด้วยร่างพลังงาน จนกระทั่งในวันหนึ่ง พวกเขาไปยังดวงดาวที่มีนามว่าโพรซิลิคัส แบ่งปันเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับเผ่าพันธุ์บนดาวจนมีอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่


แต่ทว่า ชาวโพรซิลิเคียนกลับเอาเทคโนโลยีของเผ่าลูมินัสไปใช้ในทางที่ผิด นำมันไปก่อสงครามกับเผ่าพันธุ์ต่างๆ ยึดครองและทำดาวดวงดาวมากมาย และสำหรับทั้งจักรวาลในช่วงเวลานั้น พวกเขาต่างรู้จักเผ่าโพรซิลิเคียนในนามของเรคคอนนิ่ง จนกระทั่งวันหนึ่ง เผ่าพันธุ์ต่างๆ ให้รวมตัวกันลุกขึ้นต่อต้านเรคคอนนิ่ง และในวันนั้น วันแห่งการชำระล้างก็ได้มาถึง เมื่ออาวุธที่ร้ายแรงที่สุดได้ถูกใช้งาน


พลังคอสมิคที่ออกมาจากอาวุธชิ้นนั้นได้คลื่นอันเป็นพิษร้ายที่เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่าน ทำให้เหล่าลูมินัสต้องสร้างสนามพลังงานเพื่อกักพิษร้ายเหล่าในไว้ในวงจำกัดและป้องกันส่วนที่เหลือของจักรวาลไม่ให้ต้องพบกับชะตากรรมเดียวกัน รวมถึงเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีพวกเรคคอนนิ่งกลับมาปรากฏตัวให้เห็นอีก หลังจากนั้น เหล่าลูมินัสก็ได้ปฏิญาณตนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ใดๆ ในจักรวาลอีก จะเป็นวอชเชอร์ที่มีหน้าที่เพียงแค่เฝ้ามอง


ปัจจุบัน หลังจากที่รี้ดใช้อุปกรณ์ของอูอาตูจนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรคคอนนิ่งแล้ว รี้ดก็ตาสว่าง สว่างจ้าจนเรืองแสงพลังคอสมิคออกมา


ขณะเดียวกัน ในเขตแดนรกร้างอันเต็มไปด้วยพิษคอสมิคจากวันแห่งการชำระล้างที่เคยเป็นดาวโพรซิลิคัสมาก่อนนั้น เรธ ชาวโพรซิลิเคียนและกลุ่มเรคคอนนิ่งยังมีชีวิตรอดอยู่ในดินแดนแห่งนี้มานับพันล้านปีโดยที่วอชเชอร์ไม่รู้กำลังเตรียมตัวไปแจกความตายให้ชีวิตอื่นๆ ในจักรวาลแล้ว


เรธเตรียมพร้อมก่อสงคราม แฟนแทสติกโฟร์จะสามารถหยุดเขาและปกป้องจักรวาลได้อย่างไร